[CR] [CR-Story] > First time in Penang < สงกรานต์ปีนี้ ไปเที่ยวที่ปีนัง #ตุ๊ดพาเที่ยว เวอร์ชั่นลำบากแบบงกๆ กี่วัน 3 คืน

เกริ่นนำ

          สวัสดีทุกคนนะคะ นี่ถือเป็นกระทู้แรกที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรีวิวการท่องเที่ยวของดิชั้นเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ว่าตอนเราไปเที่ยวเราก็อ่านรีวิวมาค่อนข้างเยอะ แล้วก็รู้สึกว่าการทำรีวิวลงในโซเชี่ยลมีเดียไม่ว่าจะเป็นพันทิป เฟสบุ๊ค IG หรืออื่น ๆ นั้นก็ถือว่าเป็นแชร์ประสบการณ์ให้คนอื่น ๆ ได้อ่าน ได้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราอยากจะถ่ายทอดออกไปผ่านข้อความ หรือรูปภาพต่าง ๆ นะคะ ในการเขียนครั้งนี้ถ้าใช้คำผิดพลาด หรือ รูปถ่ายไม่ชัด ไม่สวย อะไรยังไง ก็ขอบอกเลยค่ะว่าครั้งแรกจริง จริ๊งง! ถามว่าในส่วนที่เป็นสตอรี่ ทำไมถึงเป็นสตอรี่ เพราะเราพยายามจะสร้างบรรยากาศให้ผู้อ่าน อ่านแล้วรู้สึกว่าเหมือนกันอ่านนิยายผจญภัยเรื่องนึงนะคะ (เวิ่นเว้อไปอย่างนั้นแหละค่ะ ไม่เคยเขียนหรือแต่งอะไรมาก่อน) อ่านเสร็จแล้ว ไม่พอใจด่าได้เลยค่ะ จะได้เอาไปแก้ไข ขอบคุณค่ะ /ปล. จขกท. ยังเรียนอยู่ค่ะ


          


          สำหรับทริปแรกของดิชั้น ถือว่าเอาฤกษ์เอาชัยเหลือเกินนะคะ เพราะยังไม่เคยจะได้ท่องเที่ยวแบ๊คแพ๊คไปไหนคนเดียว ก็เริ่มต้นจากต่างประเทศกันเลยทีเดียว ต้องบอกก่อนว่าใช้เวลาวางแผน 2 วัน ในการสร้างความอยาก หาข้อมูล หาริวิว จองโรงแรม ดูสถานที่ การเดินทาง บลาๆๆ ต่างๆมากมาย โดยที่ตุ๊ดก็ไม่ได้มั่นใจว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหน แต่เราแค่คาดหวังว่าเที่ยวในแบบของเรา สนุกในแบบของเรา แล้วนำมารีวิวให้คนอื่นให้รับชม ซึ่งต้องบอกเลยว่าหลายสิ่งในแพลนการท่องเที่ยวของเรานั้น คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของตัวคุณเองเลยค่ะ เพราะว่าเท่าที่เราได้ไปลองผจญภัยด้วยตัวเองมายังรู้สึกอยากจะด่าตัวเองมาก ๆ ที่งกไม่เป็นเหตุเป็นผลในบางเรื่องมากเกินไปจริง ๆ ก็ไม่อยากให้ทำตามเดี๊ยวจะไม่สนุกเอาน่ะ

โอเคค่ะ หลังจากที่บ่นเสร็จแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

Preparing

          ในช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ แน่นอนว่าหลายคนจะต้องวางแผนว่าจะไปไหน อะไร ยังไงดีนะ ซึ่งดิชั้นก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยก่อนหน้านั้นเพื่อนๆก็ได้วางแผนจะไปเที่ยวที่เชียงใหม่กัน (ซึ่งก็ไปกันจริงๆนั้นแหละ) แล้วพวกนางก็ชวนเราไงเพราะคนเยอะสนุกดี ก็เข้าใจเพื่อนแต่ตุ๊ดปฏิเสธไง ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างแล้วช่วงนั้นเราก็อ้างรีวิวปีนังเยอะมาก โดยเนื้อหาอยู่ในลักษณะเดียวกันคือราคาถูกมากกกกกกก!! โอ้ว..หยุดยาวแบบนี้มีหรือที่เราจะพลาด ตุ๊ดจึงตัดสินใจที่จะไปเที่ยวปีนังเพราะว่าภาพรวมมันโอเค (ค่าใช้จ่าย+สถานที่+เวลา+อื่นๆ) เราก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับปีนังให้มากที่สุดเพื่อจะได้มีแผนในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน จองโรงแรมโดยการไล่อ่านรีวิวทั้งในพันทิปและแอพต่างๆ ซึ่งบอกเลยว่าตัดสินใจลำบากพอสมควร เพราะหลายๆที่ก็น่าสนใจ สุดท้ายได้เกสเฮ้าส์ชื่อว่า Kimberly House จากการจองผ่านอโกด้า
          
          ต้องขอกราบหลีคุณพี่ท่านหนึ่ง 1 ทีงามๆ เพราะตอนที่จองเราไม่มีบัตรเครดิตเหวยย! แล้วทำไงหล่ะ ไล่ถามทีละคนไง สุดท้ายก็มีที่ซุกหัวนอนกับเขาซะที (มารู้ที่หลังว่า Booking จองแล้วค่อยไปจ่ายก็ได้) อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำก็คือ การแลกเงิน นี่ก็ไล่หาข้อมูลอีกเหมือนกัน ที่ไหนเรทดีกว่า แต่ก็ได้ไปแลกกับอาจารย์ที่สอนเราเพราะเราถามอาจารย์ว่ารู้จักที่แลกเงินริงกิตดี ๆ ไหม นางก็บอกว่านางยังมีเงินริงกิตเหลือจากการเที่ยวครั้งที่แล้วอยู่ สนใจป่ะ? (โอ้วว ช่างบังเอิญอะไรเยี่ยงนี้) หลังจากนั้นก็ทักไปหลังไมค์ คือเราจะแลก 2000บาท (เรท 8.88 ตอนนั้น) แต่อาจารย์มีไม่ถึง มีเหลือแค่ 225ริงกิต เขาถามว่าเอามั๊ย ผมเอาแค่ 1900บาทพอ เราก็ลองบวกลบคูณหารดู ปรากฏว่าเรทค่อนข้างดีมากกกก ซาร่า รีบตอบตกลงโดยไม่รีรอ พอแลกเสร็จปุ๊บเราก็ไปจองตั๋วรถไฟฟรีที่สถานีรถไฟ (ช่วงเทศกาลเขาจะให้จองได้ค่ะ) ขึ้นที่บางซื่อ 13.30น. ไปลงหาดใหญ่ เพราะเรากะว่าจะต่อรถไฟไปบัตเตอร์เวิร์ธที่หาดใหญ่ ราคาได้จะถูกๆ ที่นี้ก็ได้ของครบตามต้องการทุกอย่างแล้ว เหลือรอเวลาเท่านั้น ตื่นเต้นๆๆ




Day 1 : รับขวัญวันเดินทาง


          

          วันนี้ 12 เมษายน พ.ศ.2559 ดิชั้นต้องแบกสัมภาระพร้อมร่างมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อมาเอาเมมการ์ดจากเพื่อน (กล้องถ่ายรูปยืมพี่มาแต่ไม่มีเมม!!) พอได้เมมปุ๊บ เราก็นั่งรถเมล์ไปแถวสะพานควายเพื่อไปโอนเงินให้พี่ที่จองที่พักให้เรา (ลำบากมาก เพราะกระเป๋าเราเป็นกระเป๋าถือ ไม่มีกระเป๋าแบบแบ๊คแพ๊คเกอร์) พอโอนเงินเสร็จปุ๊บดูเวลา ยิ้ม! แปบๆ จะบ่ายโมงแล้ว เราก็ไปรอรถสาย 52 เพื่อนั่งไปบางซื่อ คันแรกมา โบกปั๊บ ฟิ้วววว~ อีเวรรร!! ไม่จอดดด!! โอ้ยจะทันรถไฟมั๊ยเนี่ย (คิดในใจ ณ ตอนนั้น) แต่เหมือนฟ้ามีใจ รถเมล์ 52 อีกคันตามมา ต้องขอบคุณที่มีคนกดลง ไม่งั้นเขาไม่จอดรับ (เพราะขึ้นไปกระเป๋ารถเมล์บ่นว่าป้ายนี้เขาไม่จอดกันโน้นนี้นั้น) ช่วงที่นั่งรถเมล์อยู่ ก็ลุ้นว่า จะทันมั๊ยๆ ซึ่งตอนนั้นจะบ่ายโมงครึ่งแล้ว รถเมล์ก็ไปติดสัญญาณไฟแดงตรงถนนประดิพัทธิ์ที่เป็นรางรถไฟ พอไฟเขียวป๊าบบบ ที่กั๊นรถไฟก็ลงมากั๊นปุ๊บประหนึ่งไม่ให้รถเมล์คันนี้ผ่านไปได้ ซึ่ง ณ เวลานั้นตุ๊ดทำได้แต่งงว่า เอ๊ะ มันคืออะไรกันนะ ในที่สุดก็ถึงบางซื่อจนได้ ซึ่งรถไฟก็มาพอดี

รถไฟมาแล้ววววววแกกก


ภาพบรรยากาศในรถไฟชั้น 3


ผัดกระเพราราดข้าวพร้อมไข่ดาว แพ๊คใส่โฟม 20 บาท

          ก็ตามประสาตุ๊ดเห่อของใหม่นะคะ ถ่ายเอฟวี่ติงจิงเกอเบล จะคนจะหมาจะสิ่งไม่มีชีวิต ถ่ายหมดนะคะ นั่งรถไฟได้สักพักมีคนขายก๋วยเตี๋ยวแห้ง ซึ่งเราเคยกินตอนเราไปทำค่ายแล้วติดใจมาก จึงรีบกวักมือเรียกป้าแม่ค้าเพื่อเลือกชมและซื้อก๋วยเตี๋ยวแห้ง

ก๋วยเตี๋ยวแห้ง 10บาท ชอบที่สุดในบรรดาอาหารที่ขายบนรถไฟล่ะ (แล้วแต่คนชอบนะคะ)

         พอหลังจากรับประทานเสร็จเรียบร้อย หนังท้องตึง หนังตามันหย่อน ก็หลับไปได้สักงีบนึง ตื่นขึ้นมาอยู่ที่สถานีนครปฐม แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็ทราบว่าหัวเครื่องจักรเสีย!! แล้วทางสถานีก็แจ้งว่าต้องใช้เวลาซ่อม 2 ชั่วโมง ห้ะ! ยังค่ะ ที่พีคกว่าคือรถไฟสายกรุงเทพ-บัตเตอร์เวิร์ธที่เราจะไปต่อที่หาดใหญ่ได้แซงหน้าเราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่าา ...(ต้องขอบคุณพี่ที่สถานีตอนเราจองตั๋วตอนแรกกะจะจองรถไฟบัตเตอร์เวิร์ธไว้แล้ว แต่พี่เขาเบรคไว้โดยบอกว่าถ้าไม่ทันหนูอาจจะเสียเงินฟรีนะลูก)  ณ จุดนั้นบอกเลยว่า ช๊อค แต่อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าได้เตรียมข้อมูลบางส่วนไว้ ทำให้ตุ๊ดพอจะรู้วิธีแก้ปัญหาในจุดนี้ จึงไม่ได้ซีเรียสอะไร แล้วก็หันไปถ่ายรูปต่อ
ภาพบรรยากาศ ณ สถานีรถไฟนครปฐม







Like a pose!

แหนะ มีการแอบมอง

          จากนั้นสักพักรถไฟก็ซ่อมเสร็จซะที ทางสถานีก็ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นรถไฟเพื่อที่จะได้ออกเดินทางไปสถานีต่อไป ช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ นั่งรถไฟชิว ๆ (ก็ไม่ชิวนะ คารวะคนที่นอนได้จริง ๆ เพราะที่นั่งกับเบาะทำให้นอนยากมาก) ถ่ายรูปเล่น ๆ พูดคุยกับคนบนรถไฟ ถือได้ว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการนั่งรถไฟไปเที่ยวเลยแหละ เพราะว่าทำให้เราได้รู้จักคนแปลกหน้าที่เขาเดินทางไปพร้อมกับเรา แล้วข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือจะทำให้เราอยู่กับตัวเองมากขึ้น ตุ๊ดขอบอกเลยว่าไม่ได้เอาหูฟังไปแล้วพาวเวอร์แบงค์ก็ไม่มี สิ่งที่ทำได้ขณะรถไฟแล่นคือคุยกับคนอื่น และคิดเรื่องต่าง ๆ ภายในหัวของตัวเอง ซึ่งในช่วงที่เรานั่งอยู่บนรถไฟเราจะคิดแต่เรื่องของตัวเองจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระแวงเรื่องความปลอดภัยต่อตัวเองและสัมภาระของเรา ไปอยู่ที่นู้นจะเป็นอย่างไรบ้างนะ จะมีอะไรขึ้นมาขายอีกไหม บลา ๆ ซึ่งขณะที่พิมพ์อยู่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไรไปบ้าง จากนั้นก็ถึงราชบุรี และเพชรบุรีซึ่งก็เริ่มจะค่ำแล้ว

ราชบุรีแล้วจ้า

พระอาทิตย์จะตกแล้ว

ถ่ายก้อนเมฆ เห็นว่ามันสวยดี

แปบเดียว เพชรบุรีซะละ

ผู้โดยสารบางส่วนลงที่สถานีนี้

ผู้โดยสารที่ไม่มีที่นั่ง ก็นั่งที่พื้น

          ช่วงสถานีเพชรบุรี ได้มีป้ากับหลานคนนึงมานั่งข้างหน้าเราเพราะคนที่นั่งก่อนหน้านั้นได้ลงที่สถานีนี้แล้วที่นั่งว่างพอดี โดยจะขอบอกให้รู้ก่อนนะคะว่าดิชั้นไม่ค่อยถูกโรคกับเด็กสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเด็กดื้อ แล้วเคสนี้พิเศษตรงที่เด็กคนนี้เพิ่งจะหายจากโรคอีสุกอีใสมา ซึ่ง..เรายังไม่เป็นมาก่อน (ตายห..ล่ะ ถ้าเป็นขึ้นมาทำไงหล่ะทีนี้) แต่เราก็ไม่ได้รังเกียจเขานะ พยายามไม่ถูกตัวน้อง (แต่ก็โดนบ้างประปราย) เพราะเราก็เข้าใจช่วงเทศกาล หลายคนก็อยากกลับบ้าน แต่อาจจะมีเหตุผลหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ต้องมานั่งรถไฟกลับ และอีกนัยนึงเราก็สงสารป้าแกมากด้วยเพราะน้องดื้อมากกกกกกกกกกกกก ตุ๊ดง่วงแต่ก็นอนไม่หลับไง น้องคืออยู่ไม่สุขมาก เห็นแล้วเหนื่อยแทนป้าเลย ก็นะ ได้เจอผู้คนหลายแบบหลายไลฟ์สไตล์บนรถไฟ ก็เป็นสีสันของประสบการณ์ไปอีกแบบ


ป้าคือหลับได้แปบเดียวจริง ๆ ต้องตื่นมาดูหลานต่อ

ทุกคนเริ่มจะหลับกันแล้ว แต่ตุ๊ดนอนไม่ค่อยหลับค่ะ

รูปนี้น่าจะอยู่ประมาณหัวหินค่ะ มีคนลงเยอะที่เลยว่าง เราบอกให้ป้าย้ายไปนั่งด้านข้างเพราะเบาะนั่งได้ 3 คนซึ่งเนื้อที่จะกว้างกว่า (ทำมอง ๆ )

          สำหรับวันแรกก็ไม่ค่อยมีอะไรมากนะคะ เนื้อหาก็เกี่ยวกับการใช้ชีวิตบนรถไฟซะส่วนใหญ่ ยังไม่ได้เกี่ยวกับปีนังซักเท่าไหร่ สำหรับวันอื่น ๆ จขกท. ขอมาเขียนวันอื่นต่อละกันนะคะ พอดีว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้า ถ้าไม่ติดธุระอะไรจะรีบเขียนให้เสร็จแน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะ (21/4/2559 1:15)
ชื่อสินค้า:   ปีนัง-จอร์จทาวน์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่